พระเจ้า ดง-มยอง-ซอง หรือ ดงเมียงซอง (Dongmyeong-seongwang, 59 – 19 ปีก่อนค.ศ., ครองราชย์ 37 – 19 ปีก่อน ค.ศ.)

ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรโกคูรยอ ทรงประสูติเมื่อ 59 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตรงกับปี พ.ศ. 483

พระเจ้า ดง-มยอง-ซอง หรือที่เรารู้จักกันในนาม จูมง ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ที่สถาปนาราชวงศ์แห่งอาณาจักรโคกูรยอ “จูมง” ซึ่งในภาษาพูยอ โบราณแปลว่า “นักแม่นธนู” ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระอัจริยภาพในการสู้รบและการปกครองอีกพระองค์หนึ่งของเกาหลี โดยเฉพาะเรื่องการยิงธนูพระองค์ทรงเชี่ยวชาญมาก

ในจารึกกวางแกโตเรียก”จูมง” ว่า “จูโมวัง”(พระเจ้าจูโม) และในบันทึก ซัมกุก-ซากี(บันทึกประวัติศาสตร์สามแคว้น)กับซัมกุก-ยูซา(บันทึกความทรงจำสามอาณาจักร) เรียกพระองค์ว่า “จูมง”

อาณาจักรโคกูรยอที่พระองค์สถาปนาขึ้นนั้นปัจจุบัน คือดินแดนส่วนใหญ่อยู่ใน เกาหลีเหนือ และคาบสมุทรเหลียวตงของ จีน รวมถึงแมนจูเรียและรัสเซียบางส่วน

การเกิดและบิดามารดาของพระองค์นั้นถูกนำไปเล่าเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติ เนื่องจากความเก่งกาจของพระองค์ผู้คนสมัยนั้นจึงมักจะเชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรของเทพ เช่นเล่าว่าพระองค์เป็นลูกของแฮโมซูและยูฮวา โดยแฮโมซูนั้นเป็นบุตรชายแห่งสวรรค์ ส่วนยูฮวาเป็นธิดาของฮาบก เทพเจ้าแห่งน้ำ ตำราบอกว่าแฮมโมซูได้แอบดูยูฮวาที่แม่น้ำขณะที่นางกำลังอาบน้ำอยู่ ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน แต่เทพฮาบกพ่อของยูฮวาไม่ชอบแฮโมซู ต่อมาได้กลับคืนสู่สวรรค์

ส่วนยูฮวาเทพฮาบกพ่อของนางได้ขับไล่นางไปยังที่อื่น นางได้พบกับพระเจ้ากึมวาแห่งพูยอตะวันออก ซึ่งต่อมาเขาได้รับนางเป็นสนมของตัวเอง ต่อมายูฮวาท้องโดยได้รับแสงไฟจากดวงอาทิตย์และคลอดลูกออกมาเป็นไข่ กษัตริย์กึมวาได้พยายามทำลายไข่ใบนี้ อีกทั้งยังพยายามนำไข่ไปทิ้งในป่าเพื่อเป็นอาหารของสัตว์แต่ก็ไม่สำเร็จกษัตริย์กึมวาจึงคืนไข่ให้สนมยูฮวา ต่อมาเปลืองไข่ได้ฝักออกมาเป็นเด็กผู้ชาย พระสนมยูฮวาจึงได้ขนานนามเด็กคนนี้ว่า จูมง ซึ่งในภาษาพูยอโบราณแปลว่า นักแม่นธนู (ซึ่งเราได้นำซีรี่ประวัติประกอบไว้ พร้อมกับบทความนี้ด้วยแล้วโดย….Click ที่ปุ่ม ศึกษาข้อมูลเชิงลึก ซึ่งอยู่ด้านบน)

จูมง คือผู้สถาปนาอาณาจักรโคกูรยอ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นหนึ่งในสามอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาณาจักรหนึ่งของเกาหลีในสมัยนั้น โดยเมื่อครั้งที่หนีมาจากพูยอก็มีตำนานว่าขณะที่จูมงควบม้าไปถึงบริเวณแม่น้ำ ตะไคร่น้ำได้เกาะกลุ่มเป็นสะพานให้จูมงขี่ม้าข้ามไป

ในปีที่ 37 ก่อนคริตกาล จูมงสถาปนาอาณาจักรโคกูรยอขึ้นและดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์องค์แรก ในปีเดียวกันนั้นเอง เจ้าซงยางแห่งพีรยูได้สวามิภักดิ์ต่อโคกูรยอ หลังจากพระเจ้าทงมย็องส่งทหารไปช่วยพีรยูปราบเผ่ามัลกัลที่มารุกรานพีรยู

เมื่อตั้งอาณาจักรแล้วพระเจ้าดงมยองซองก็ได้รวบรวม 6 ชนเผ่าเข้าสู่อาณาจักรโกคุณยอรวมทั้งก่อสร้างเมืองโชลบน เมืองหลวงแห่งแรกของโกคุรยอพร้อมด้วยพระราชวังหลวงแล้วเสร็จเมื่อ 28 ปี ก่อนคริตกาล จากนั้นพระเจ้าดงมยองซองก็ส่งคณะทูตและของขวัญมากมายไปให้พระเจ้ากึมวาในความรู้สึกสำนึกบุญคุณที่ทรงเลี้ยงดูพระองค์มา

ในปีที่ 19 ก่อนคริตกาล พระชายา สกุล เย หรือที่ในซีรีย์เรียกว่า พระนางยีโซยา ชายาของพระเจ้าดงมยองซองได้หนีออกจากพูยอพร้อมด้วยพระโอรสคือ องค์ชายยูริเข้ามายังโคกูรยอ ทำให้พระมเหสีของพระเจ้าดงมยองซองคือพระนางโซซอโนทำการตัดสินพระทัยนำพระโอรสของพระนางออกไปสร้างอาณาจักรใหม่คือแพกเจ ซึ่งก็เจริญรุ่งเรืองเคียงคู่กับอาณาจักรโคกูรยอของพระองค์ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้พระโอรสของพระนางทั้งสองแย่งชิงบัลลังก์กันในอนาคตแบบเดียวกับที่พระเจ้าดงมยองซองเผชิญเมื่อครั้งเป็นองค์ชาย

พระเจ้าดงมยองซองครองราชย์นาน 18 ปี พระองค์ก็สวรรคตด้วยวัย 40 พรรษา พระองค์มีพระราชินีทั้งหมด 2 พระองค์ตามที่กล่าวมา คือ

พระราชินี สกุล เย ลูกสาวของขุนนางในดงบุโย และเป็นพระมารดาขององค์ชายยูริ ซึ่งต่อมาองค์ชายก็ครองราชย์ต่อจากพระบิดา

พระราชินีโซซอโน ธิดาของชนเผ่าเครูที่มีส่วนในการช่วยจูมงในการก่อตั้งอาณาจักร พระนางมีพระโอรสอยู่แล้วคือ องค์ชายพี-รยู และ อน-จอ ซึ่งพระเจ้าดงมยองซองก็รับเป็นพระโอรสบุญธรรม

สุสานของจูม่ง คือ ทง-มยอง-วัง-รึง พระเจ้ายูรีทำพิธีศพและบรรจุศพพระบิดาในสุสานที่ออกแบบเป็นปีระมิด ก่อด้วยดินและให้จารึกพระนามของจูมงว่า “ดอง-มยอง-ซง” ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือส่วนเมืองหลวงและสุสานของราชอาณาจักรโคกูรยอโบราณปัจจุบันก็ ถือเป็นแหล่งมรดกโลกที่ประกอบด้วยแหล่งโบราณคดีในเมือง 3 เมืองของจีน ได้แก่ เมืองอู๋หนิ่ว ในมณฑลเหลียวหนิง, เมืองกั๋วเน่ย (กุงแนซง – ตามภาษาเกาหลี) และหวันตู (ฮวันโด – ตามภาษาเกาหลี) ในมณฑลจี๋หลิน รวมทั้งมีสุสานอีก 40 แห่ง ซึ่งเป็นของราชวงศ์ 14 แห่ง และขุนนาง 26 แห่ง ทั้งหมดแสดงถึงร่องรอยวัฒนธรรมโคกูรยอ ซึ่งได้มีอำนาจเหนือบางส่วนของภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือของจีนและคาบสมุทรเกาหลีในช่วง 277 ปีก่อน ค.ศ. จนถึง ปี ค.ศ. ที่ 668

แหล่งโบราณคดีในเมืองอู๋หนิ่วได้ทำการขุดค้นไปเพียงเล็กน้อย ส่วนเมืองกั๋วเน่ย ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองจี๋หนิงในปัจจุบันนั้นได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงรอง หลังจากเมืองหลวงของโคกูรยอได้ย้ายไปตั้งที่กรุงเปียงยาง และสำหรับเมืองหวันตู หนึ่งในเมืองหลวงของราชอาณาจักรโคกูรยอนั้น ได้มีร่องรอยของพระราชวังและสุสานจำนวนกว่า 37 แห่งเลยทีเดียว

เมืองหลวงและสุสานของราชอาณาจักรโคกูรยอโบราณได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 28 เมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่เมืองซูโจว ประเทศจีน

Clik

By admin